ในเฟซบุ๊ก สำนักประชาสัมพันธ์เขต 7 กรมประชาสัมพันธ์ ได้เปิดเผย สิทธิ์ของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 โดยระบุว่า ผู้ถือบัตรฯจะมีสิทธิ์ทั้งหมด 7 รายได้ ซึ่งจะเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63, 15 พ.ค. 63 และ 18 พ.ค. 63 โดยมีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 1 พฤษภามคม 2563
- วงเงินชำระค่าสินค้าอุปโภคบริโภค โดยต้องซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งไม่สามารถกดออกมาเป็นเงินสดได้ และเป็นไปตามเกณฑ์ คือ เงินช่วยเหลือ 300 บาท/เดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี และเงินช่วยเหลือ 200 บาท/เดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายการเดินทางโดยรถสาธารณะ 500 ต่อเดือน ได้แก่ รถเมล์ รถไฟฟ้า รถ บขส. และรถไฟ
- ก๊าซหุงต้ม โดยรัฐบาลแจกให้คนละ 45 บาทต่อ 3 เดือน แต่หากไม่ใช้สิทธิภายใน 3 เดือน ก็จะถูกตัดยอดเงินตรงนี้ไป
- การไฟฟ้า เเจ้งขั้นตอนคืนเงินค่าไฟเดือนเมษายน 2563
- 5 สาเหตุลงทะเบียน “คืนเงินประกันไฟฟ้า” ยังไม่ได้รับเงินคืนสักที
- ครม. เห็นชอบมาตรการเยียวยา “ผู้ใช้ไฟฟ้า” เพิ่มค่าไฟฟรี 90 หน่วย
วันที่ 15 พฤษภามคม 2563
- คืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 5% หากผู้ถือบัตรเติมเงินเข้าไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและนำไปใช้จ่าย ก็จะได้รับเงินภาษี VAT คืนตามเข้าบัตรตามยอดการใช้จ่าย โดยจะเป็นการจ่ายเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) สามารถรูดออกมาเป็นเงินสด หรือใช้จ่ายผ่านบัตรกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ แต่เงินจำนวนนี้จะสามารถใช้ได้ในเดือนถัดไป
ยกตัวอย่างเช่น จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการไป 100 บาท จะได้เงินคืนจากแวต 5% เข้าบัตรในเดือนถัดไป 5 บาท, หากจ่ายผ่านบัตร 500 บาท จะได้เงินคืนจาก VAT นี้เข้าบัตรในเดือนถัดไป 25 บาท, หรือหากจ่ายผ่านบัตร 1,000 บาท จะได้เงินคืนจาก VAT นี้เข้าบัตรในเดือนถัดไป 50 บาท เป็นต้น
ทั้งนี้โดยอัตราภาษี VAT ปกติ 7% นั้น แยกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1% เป็นส่วนที่ผู้ถือบัตรต้องจ่ายอยู่แล้วเมื่อนำบัตรไปใช้จ่าย จากเดิมที่ต้องจ่ายเต็ม 7% ส่วนอีก 5% เป็นเงินที่ผู้ถือบัตรคนจนจะได้รับการคืนเงินในเดือนถัดไปผ่าน e-Money สำหรับ 1% สุดท้าย จะถูกนำเข้าไปในกองทุนการออมแห่งชาติของผู้ถือบัตรคนจนนั่นเอง
- เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนี้ โดยจะแบ่งตามรายได้ของผู้สูงอายุ แบ่งเป็น ผู้สูงอายุที่มีรายได้ รายได้ 0-30,000 บาท/ปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ 100 บาท/เดือน และผู้สูงอายุที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,001-100,000 บาท จะได้รับเงินช่วยเหลือ 50 บาท/เดือน
วันที่ 18 พฤษภามคม 2563
- ค่าน้ำประปา ผู้ที่ได้รับสิทธิ์นี้ต้องถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และลงทะเบียนรับสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญจะใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยรัฐจะช่วยเหลือไม่เกิน 100 บาท/ครัวเรือน
- ค่าไฟฟ้า ผู้ที่ได้รับสิทธิ์นี้ต้องถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และลงทะเบียนรับสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญจะใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ซึ่งผู้ที่ได้รับเงินต้องใช้ไฟไม่เกิน 230 บาท/ครัวเรือนต่อเดือน
ซึ่งทั้งค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าจะได้รับเงินตามจริง ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และระยะเวลาของโครงการทั้งสอง มีตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562-กันยายน 2563 รวมระยะเวลาทั้งหมด 11 เดือน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีจำนวนผู้ถือบัตรคนจนที่ได้รับสิทธิ์จำนวนมาก จึงทำให้แต่ละคนอาจจะไม่ได้รับเงินพร้อมกัน ทั้งนี้ผู้ถือบัตรสามารถตรวจสอบสวัสดิการต่างๆ ของตัวเองได้ที่เว็บไซต์ https://govwelfare.cgd.go.th/welfare/check