เพจเฟซบุ๊ก Smart Taxi.,Ltd ของ บริษัท สมาร์ทแท็กซี่ จำกัด ได้เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ Kerry Express (Thailand).,Ltd นำรถแท็กซี่ของบริษัทฯ มาให้บริการส่งพัสดุของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ให้กับลูกค้าตามสถานที่ที่ระบุบนหน้ากล่อง
โดยก่อนหน้านี้ Kerry Express ได้ประสบปัญหาพัสดุเต็มคลังสินค้า เนื่องมาจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้ปริมาณความต้องการของลูกค้าในการส่งพัสดุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้จำนวนพัสดุเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากการจัดส่งในช่วงเวลาปกติ จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจัดลำดับเส้นทางการจัดส่งพัสดุ อีกทั้งมาตรการควบคุมการคมนาคมในแต่ละพื้นที่ ส่งผลให้รถส่งสินค้าต้องใช้เวลานานกว่าปกติในการจัดส่งสินค้าไปยังปลายทาง
- “Kerry” ระงับการรับ-ส่งพัสดุที่เป็นผลไม้และอาหารสดชั่วคราว
- เคอรี่ เผยพนักงานติดโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย สั่งปิดสาขาฆ่าเชื้อ
- ไปรษณีย์ไทย EMS ส่งยา-เวชภัณฑ์ รอรับที่บ้านไม่ต้องไปรพ.
- ไปรษณีย์ไทย รับพัสดุถึงบ้าน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เริ่มแล้ววันนี้
ในเบื้องต้นจะนำรถแท็กซี่ที่ติดตั้งระบบของสมาร์ทแท็กซี่ ประกอบด้วย ระบบจีพีเอส (GPS) กล้องภายในรถ และระบบยืนยันตัวตนกับคนขับ จำนวน 60 คัน และเปิดรับแท็กซี่ระบบอื่นที่ยังไม่หมดอายุเข้าร่วมช่วยงานไปก่อน แต่ระยะยาวจะให้ใช้ระบบของสมาร์ทแท็กซี่เพื่อควบคุมคุณภาพการให้บริการ
ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า คลังสินค้าคลองส่งน้ำสมุทรปราการมีความต้องการมากที่สุด รองลงมาคือ มีนบุรี และนนทบุรี ของที่จะส่งมีทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ โดยมีการคัดแยกพื้นที่จัดส่งในรัศมีใกล้กับคลังสินค้ามาแล้วระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ ผู้ขับแท็กซี่จะใช้ช่วงเวลา 11.00-15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้รถน้อยเข้ามาให้บริการส่งของ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง และจะได้รับเงิน (หลังหักภาษี ณ ที่จ่าย) หลังเคลียร์งานเสร็จภายในเวลา 20.00 น. ของทุกวัน โดยรับเป็นเงินสด
การประกาศรับสมัครแท็กซี่ที่จะเข้าไปวิ่งรับส่งพัสดุกับเคอรี่ เอ็กซ์เพรส จะประกาศในเฟซบุ๊กเพจ “Smart Taxi.,Ltd” ผู้สนใจจะต้องเป็นผู้ขับรถแท็กซี่ที่ยังไม่หมดอายุ โดยนำหลักฐาน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบขับขี่สาธารณะ สำเนาทะเบียนรถยนต์ แต่งกายสุภาพ กางเกงขายาว รองเท้าหุ้มส้น สวมหน้ากาก มาลงทะเบียนที่หน้างาน บริเวณคลังสินค้าเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ที่จะประกาศแบบวันต่อวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป
โดยแอดมินเพจชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ว่า การเปลี่ยนรถแท็กซี่จากส่งคนมาเป็นส่งของนั้น สืบเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ประชาชนไม่ออกจากบ้าน ส่งผลทำให้รายได้ของโชเฟอร์รถแท็กซี่ลดลงเหลือเพียง 500-600 บาทต่อวัน

ขณะที่ เคอรี่ เอ็กซ์เพรสประสบปัญหาพัสดุเต็มคลังสินค้า เนื่องจากรถขนส่งพัสดุตอนนี้วิ่งไม่ทัน จากก่อนหน้านี้มีปริมาณพัสดุ 1 ล้านชิ้นต่อวัน แต่เมื่อประชาชนนิยมสั่งสินค้าออนไลน์ ทำให้มีพัสดุมากถึง 1.5 ล้านชิ้นต่อวัน
ขณะที่แท็กซี่ทุกวันนี้ตีรถเปล่า ตนเห็นปัญหาดังกล่าวแล้วจึงมีแนวคิดที่จะนำแท็กซี่มาส่งพัสดุ ซึ่งตามกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ จึงติดต่อทางคอลเซ็นเตอร์ และได้เข้าไปพูดคุยกับทางสำนักงานใหญ่ ซึ่งความร่วมมือเป็นไปได้ด้วยดี โดยได้พูดคุยถึงความร่วมมือทั้งระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจาก Kerry Expressไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน