วันที่ 21 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานคณะกรรมการประกันสังคม เปิดเผยว่า คณะกรรมการประกันสังคมมีมติวันที่ 20 มีนาคม 2563 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน กรณีสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ดังนี้
1.ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ให้ขยายความคุ้มครองผู้ประกันตนจากภัยอันเกิดจากโรคที่แพร่ระบาดในมนุษย์ รวมทั้งภัยอื่น ๆ ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ หรือมีผู้ทำให้เกิดขึ้น ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป คือ
– ผู้ประกันตนที่ไม่ได้ทำงาน หรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน ประกันสังคมจะจ่ายกรณีว่างงาน อัตราร้อยละ 50 เป็นระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน
– กรณีหน่วยงานภาครัฐ มีคำสั่งให้หยุดกิจการชั่วคราว ประกันสังคมจะจ่ายกรณีว่างงาน ร้อยละ 50 เป็นระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- เช็คด่วน ! คุณมีอาการ “โรควิตกกังวล” เกินไปหรือไม่?
- จริงหรือไม่? “โควิด-19” เหมือนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
- ผู้ว่ากทม.สั่งปิดห้าง – ปิดตลาด ทั่วกรุงเทพฯ ถึง 12 เม.ย.63
- เปิด 25 สถานที่เสี่ยงไวรัสโควิด-19 มีที่ไหนบ้าง หลังผู้ว่ากทม.สั่งปิดกรุงเทพ
2.เห็นชอบให้ลดอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า เป็นอัตราร้อยละ 4 ระยะเวลา 6 เดือน พร้อมทั้งเห็นชอบให้ขยายกำหนดเวลาการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 สำหรับงวดค่าจ้างเดือนมีนาคม, เมษายน และพฤษภาคม 2563 ออกไปอีก 3 เดือน
โดยงวดค่าจ้างเดือนมีนาคม 2563 ให้นำส่งเงินภายใน 15 กรกฎาคม 2563 สำหรับงวดค่าจ้างเดือนเมษายน 2563 ให้นำส่งเงินภายใน 15 สิงหาคม 2563 และงวดค่าจ้างเดือนพฤษภาคม 2563 ให้นำส่งเงินภายใน 15 กันยายน 2563
3.เรื่องการรักษาพยาบาล คณะกรรมการมีมติให้ดูแลรักษาผู้ประกันตน ที่ป่วยโควิด 19 ให้ดีที่สุด ตามมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่กำหนด
นอกจากนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนในภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้น ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจหรือผลกระทบจากปัจจัยอื่นใด คณะกรรมการยังมีมติเห็นชอบให้จ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเพิ่มขึ้นแก่ผู้ประกันตนที่ว่างงานจากกรณีลาออก ร้อยละ 45 เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน และจ่ายให้แก่ผู้ประกันตนที่ว่างงาน จากกรณีเลิกจ้าง ร้อยละ 70 เป็นระยะเวลาไม่เกิน 200 วัน
ทั้งนี้ มาตรการนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยหลังจากนี้คณะกรรมการจะพิจารณาวิเคราะห์และมีมติพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งจะเร่งรัดให้มีผลบังคับโดยเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของภาครัฐบาล และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน