เป็นที่จับตามองของคนทั่วโลก สำหรับผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 ที่ในปีนี้ มีผู้สมัครที่คาดว่าจะได้นั่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน(ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน) และนายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งในวันนี้(7 พ.ย. 63) ตามเวลาประเทศไทย สำนักข่าวเอพีได้เผยผลการเลือกตั้งล่าสุดไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์อยู่ 264 ต่อ 214 โดยยังคงเหลืออีก 6 รัฐที่ยังรายงานผลไม่ครบ 100% ได้แก่ นอร์แคโรไลนา เนวาดา เพนซิลเวเนีย อะแลสกา แอริโซนา และจอร์เจีย
- สหรัฐฯ ผวา ผู้ป่วยโควิด-19 พุ่งทะยาน 4,500 ราย
- “ไนกี้” จ่อปลดพนักงาน หลังประสบภาวะขาดทุนจากพิษโควิด-19
- “โบอิ้ง” ประกาศปลดพนักงาน 1.2 หมื่นคนในสหรัฐฯ เซ่นโควิด-19
โดยวันที่ผ่านมา ไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าหากไบเดนได้คะแนนในรัฐเนวาดาเพียงรัฐเดียวหลังจากที่มีคะแนนอยู่ 264 คะแนน ก็จะกลายเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ทันที ขณะที่รัฐอื่น ๆ ที่เหลือที่ยังนับคะแนนไม่เสร็จมีท่าทีว่าจะเทคะแนนไปให้ทรัมป์อย่างล้นหลาม โดยคะแนนดังกล่าวเป็นคะแนนที่ผู้เลือกตั้งเข้าไปใช้สิทธิ์ที่คูหาเลือกตั้ง แต่เมื่อนับรวมกับคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าที่ยังไม่แล้วเสร็จนี้ กลับกลายเป็นว่าด้านไบเดนมีโอกาสจะชนะเพิ่มในรัฐเพนซิเวเนียและจอร์เจีย และชนะขาดลอยในรัฐมิชิแกน เหตุการณ์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งชนวนที่ทำให้ทรัมป์ออกมาทวิตขอให้มีการนับคะแนนใหม่และยุติการรับคะแนนทางไปรษณีย์
ด้านทรัมป์ได้แถลงข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นที่น่าสงสัยว่าจะมีการทุจริตและเกิดความผิดปกติเพราะคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าส่งถึงหน่วยเลือกตั้งช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ก็ถูกปฏิเสธในข้อเรียกร้องการนับคะแนนใหม่และยุติการนับคะแนน ทำให้ที่สหรัฐฯในหลายรัฐมีผู้สนับสนุนทรัมป์ออกมาประท้วง แต่อย่างไรก็ตามข้อกฎหมายการเลือกตั้งของรัฐจอร์เจียได้ระบุว่า หากคะแนนของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯมีคะแนนห่างกันไม่เกิน 0.5% ผู้สมัครที่ได้คะแนนน้อยกว่าสามารถยื่นคำร้องเพื่อให้เปิดการนับคะแนนใหม่อีกครั้งได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าจะนับใหม่หรือไม่
