วันที่ 27 ก.ค. 63 เพจ “สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช” ได้เผยแพร่ข้อความ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2563 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2563 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพร ความว่า
- “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระคติธรรม “วันอาสาฬหบูชา”
- “สมเด็จพระสังฆราช” งดเสด็จออกประทานพระวโรกาสให้เฝ้าถวายสักการะในวันคล้ายวันประสูติ
“อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ ขอตั้งกัลยาณจิตร่วมกับปวงชนชาวไทย สำแดงความโสมนัสและถวายพระพรชัยมงคล
อันว่า ‘ชัยมงคล’ สำหรับพระมหากษัตริย์ ตามที่โบราณบัณฑิตฝ่ายอาณาจักร ยกย่องสรรเสริญไว้ ย่อมได้แก่การที่พระมหากษัตริย์ สามารถเสด็จสถิตในที่พระเจ้าราชาธิราช มีชัยเหนือกว่าผู้ปกครองอาณาจักรน้อยใหญ่ทั่วปฐพีดล ชนะหมู่ชนผู้เป็นราชปัจจามิตร ด้วยฤทธิอำนาจแห่งพระราชศัสตราบ้าง ด้วยกำลังแห่งพยุหเสนาทวยหาญบ้าง ด้วยการเบียดเบียนตอบโต้ผู้รุกรานบ้าง ตามประเพณีขัตติยราชชาตินักรบ
อย่างไรก็ดี อันว่าวิธีประสบ ‘ชัยมงคล’ สำหรับบุคคลผู้เป็นสัตบุรุษพุทธาทิบัณฑิต ตามอนุศาสนีฝ่ายพุทธจักร ย่อมพึงอนุวัตตามพระบรมพุทโธวาท ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระมหากรุณาประทานไว้ว่า ‘พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้, พึงชนะคนไม่ดี ด้วยความดี, พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ และพึงชนะคนพูดปด ด้วยคำจริง’
สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระบรมราชปณิธานที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า สืบมามิขาดสาย จึงทรงมุ่งมั่นดำเนินพระบรมราโชบายด้วยโกศลวิธี ทั้งฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายพุทธจักร เพื่อพิทักษ์รักษาพสกนิกร ให้ประสบความสุขสโมสรร่มเย็น เช่น ทรงพระมหากรุณาพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์และพระบรมราชูปถัมภ์ เผื่อแผ่เอื้ออารีแก่มหาชนทั่วหน้า ทรงแกล้วกล้าด้วยพระราชวิริยอุตสาหะ ยังให้ทรงสำเร็จพระราชกรณียกิจด้วยดี ทรงพระขันติคุณหนักแน่นต่อโลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ที่อาจจรเข้ามาพ้องพาน โดยมิได้ทรงโต้แย้งเบียดเบียนสนองตอบ และทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐานโดยชอบ ที่จะทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป
ณ อุดมสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา จึงขออัญเชิญนิพนธคาถา แห่งสุขาภิยาจนคาถา มากล่าวอ้างเป็นสัจจวาจา ว่า
มาตา ปิตา จ อตฺรชํ นิจฺจํ รกฺขนฺติ ปุตฺตกํ
เอวํ ธมฺเมน ราชาโน ปชํ รกฺขนฺตุ สพฺพทา ฯ
ความว่า ‘มารดาและบิดาย่อมถนอมบุตรน้อยอันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ฉันใด พระราชาจงทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบในกาลทั้งปวงฉันนั้น’
ด้วยเดชะแห่งสัจจวาจานี้ ขอประชาราษฎร์ทั้งปวง จงสมัครสมานสามัคคี ประพฤติปฏิบัติตนเป็นเสมือนลูกที่ดี พร้อมเพรียงกันทำนุบำรุงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้วัฒนาสถาพร เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ผู้ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบดุจดั่งบิดรมารดา จักได้ทรงเบิกบานพระราชหฤทัย ทรงบริบูรณ์ด้วยพระกำลังที่จะทรงยังราชอาณาจักรไทย ให้ร่มเย็นเป็นสุข ด้วยเดชะพระบารมี
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระราชกุศลธรรมจริยา จงอภิบาลรักษา สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยแห่งราชอาณาจักรไทยสืบไป ตลอดกาลนาน เทอญ.”