ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมขนาดเล็ก อยู่ด้านหน้าของลำคอ ด้านล่างของกล่องเสียง (หลอดลม) ต่อมนี้มีลักษณะเป็นรูปผีเสื้อ แยกออกเป็นสองส่วนหรือสองกลีบ คือซีกขวาและซีกซ้าย เชื่อมต่อกันที่คอคอดไทรอยด์ (isthmus) มีหน้าที่ควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกาย (ระบบพลังงาน)
โรคไทรอยด์ที่พบบ่อยในผู้หญิง
โรคไทรอยด์สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (hyperthyroidism) และภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกิน (hypothyroidism)
- Hyperthyroidism ส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของการเผาผลาญในร่างกาย สาเหตุหลักมาจากโรคกราฟ (Graves’ disease) อาการที่พบบ่อย ได้แก่ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วแม้จะกินปกติ หัวใจเต้นเร็ว ร้อนรุ่มในร่างกาย มือสั่น ความวิตกกังวล และปัญหาการนอนไม่หลับ
- Hypothyroidism ส่งผลให้การเผาผลาญในร่างกายช้าลง อาการที่พบ ได้แก่ เหนื่อยล้า น้ำหนักเพิ่มขึ้น ผิวหนังแห้ง อาการท้องผูก ความรู้สึกหนาวง่าย และการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ โรคนี้มักเกิดจากการอักเสบของต่อมไทรอยด์ เช่น โรคแฮชิโมโต (Hashimoto’s thyroiditis)
การวินิจฉัยและการรักษาโรคไทรอยด์
การวินิจฉัยโรคไทรอยด์ในผู้หญิงมักเริ่มจากการตรวจร่างกายและการทดสอบ เช่น การวัดระดับ TSH และฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือด การรักษาโรคไทรอยด์ขึ้นอยู่กับประเภทและระดับความรุนแรงของโรค รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
- การรักษาภาวะที่ต่อมไทรอยด์มีการหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากเกินไป อาจมีการใช้ยาที่ลดการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ การทานไอโอดีนรังสี หรือการผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออก
- การรักษาภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยเกิน หลัก ๆ คือการใช้ยาเลโวไทรอกซีน (Levothyroxine) เพื่อทดแทนหรือเพิ่มฮอร์โมนไทรอยด์
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
ผู้หญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับไทรอยด์สามารถส่งผลต่อการตั้งครรภ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์ เช่น การแท้งบุตร หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
กล่าวโดยสรุป
นอกเหนือจากการรักษาด้วยยาและการติดตามอย่างใกล้ชิดจากแพทย์แล้ว การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็มีความสำคัญเช่นกัน อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการจัดการกับความเครียดสามารถช่วยให้ควบคุมอาการได้ดีขึ้น โรคไทรอยด์ในผู้หญิงเป็นภาวะที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญ ตลอดจนรับการตรวจและรักษาที่เหมาะสม ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขได้