Home สุขภาพ ประโยชน์ดีๆ จากผงชาเขียว หรือมัทฉะที่หลายคนอาจยังไม่รู้
สุขภาพความรู้รอบตัวไลฟ์สไตล์

ประโยชน์ดีๆ จากผงชาเขียว หรือมัทฉะที่หลายคนอาจยังไม่รู้

น้ำชาเขียวจัดว่าเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากในไทย โดยชาเขียวที่นำมาใช้ในการทำเครื่องดื่มนั้นส่วนใหญ่จะมี 2 ประเภท คือแบบที่เป็นใบ และผงชาเขียว ซึ่งน้ำชาเขียวไม่เพียงแต่จะมีความหอม อร่อยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะผงชาเขียว หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มัทฉะ” ซึ่งมัทฉะสามารถแบ่งออกเป็น 2 เกรดกว้างๆ ดังนี้

แบ่งเกรดของผงชาเขียว หรือมัทฉะออกเป็น 2 เกรดใหญ่ได้ดังนี้

  • Ceremonial grade

ด้วยรสชาติที่นุ่มนวล และหอมหวานตามธรรมชาติ และไม่มีรสขมเลยของมัทฉะที่มีสีเขียวสดใส ให้สีที่ชัดกว่า Cooking Grade มัทฉะพิธีการจึงเป็นชาเกรดสูงจึงเทียบได้กับไวน์ชั้นดี ที่มีรสชาติที่ละเอียดอ่อน แม้ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยในการชงก็ทำให้ได้รสชาติที่ดีได้ ผงมัทฉะเกรดนี้เนื้อผงชาจะเนียนเหมือนผงแป้ง และให้รสสัมผัสที่ดีมาก จึงเหมาะสำหรับชงดื่มร้อนๆ หรือปรุงรสแบบธรรมดาที่สุด เพื่อให้ได้สัมผัสที่นุ่มนวลพร้อมความหวานเบาๆ คนญี่ปุ่นนิยมใช้ชาเกรดนี้ในพิธีชงชา ตามแบบวัฒนธรรมของญี่ปุ่นดั้งเดิม ไม่นิยมนำไปทำขนมหรืออาหาร เพราะถ้าไปชงเป็นมัทฉะลาเต้ หรือทำขนม รสชาตินุ่มนวล หอมหวาน อาจจะโดนวัตถุดิบอื่นกลบ และที่สำคัญชาเกรดพิธีการนี้ เป็นชาที่ราคาค่อนข้างสูงมาก หากใช้ทำขนมหรือลาเต้อาจจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นด้วย

  • Cooking grade หรือ Culinary Grade

เป็นชาเกรดใช้กับการทำขนม อาหาร สมูตตี้ ไอศครีมและเครื่องดื่มร้อนเย็น เมื่อนำไปปรุงกับส่วนผสมอื่นจะยิ่งทำให้รสชาติของชาเขียวในเมนูนั้นๆ โดดเด่นยิ่งขึ้น สีของผงชาเกรดนี้ไม่ได้เขียวสดใสเหมือนมัทฉะพิธีการ เพราะมาจากใบชาที่เก็บเกี่ยวครั้งหลังๆ ซึ่งผงมัทฉะชนิดนี้ก็มีการแตกย่อยลงไปอีก ตามกลิ่น สี และรสชาติของผงชาเพื่อให้เหมาะกับเมนูที่แตกต่างกัน หากใครที่ชื่นชอบความเข้มและออกรสขมของชาเกรดนี้ สามารถเลือกมาชงชาเขียวเพียวๆ ดื่มได้ แต่จะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าตัว Ceremonial Grade

ประโยชน์ของผงชาเขียวที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ

  1. เพิ่มพลังงาน ชาเขียวมีคาเฟอีน ซึ่งช่วยกระตุ้นพลังงานและความตื่นตัว แต่มัทฉะมี L-theanine ซึ่งทำงานร่วมกับคาเฟอีน เพื่อผลิตพลังงานที่มีความสม่ำเสมอมากขึ้นโดยไม่ทำให้รู้สึกกระสับกระส่าย
  2. ปรับปรุงการทำงานของสมอง การวิจัยบางชิ้นพบว่าการบริโภคชาเขียวอาจช่วยปรับปรุงความจำและฟังก์ชั่นสมอง เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระและ L-theanine
  3. ช่วยลดน้ำหนัก ชาเขียวอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญและช่วยในการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะในการลดไขมันในร่างกาย
  4. ป้องกันโรค สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหายและอาจลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด เช่น โรคหัวใจและบางประเภทของมะเร็ง
  5. สุขภาพผิวพรรณ ชาเขียวมีสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยป้องกันริ้วรอยและสัญญาณของการแก่ก่อนวัย

การเลือกผงชาเขียวที่มีคุณภาพดีสามารถทำได้โดยการพิจารณาหลายปัจจัยดังนี้

  1. ต้นกำเนิด ผงชาเขียวคุณภาพดีมักมาจากญี่ปุ่นหรือจีน โดยมีชื่อเสียงโดยเฉพาะมาจากภูมิภาคเช่น Uji (อุจิ)ในญี่ปุ่นหรือ Zhejiang (มณฑลเจ้อเจียง)ในจีน ชื่อเหล่านี้มักเป็นการรับประกันคุณภาพที่ดีเยี่ยม
  2. สี มัทฉะคุณภาพดีจะมีสีเขียวอ่อนที่สดใส เป็นสัญญาณของการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมและการแปรรูปที่ดี สีที่ซีดหรือเขียวเข้มอาจบ่งบอกถึงคุณภาพที่ต่ำกว่า
  3. ความละเอียด ผงชาเขียวคุณภาพสูงจะมีความละเอียดมาก สัมผัสละเอียดและเนียน เมื่อละลายในน้ำจะผสมกันได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีก้อน
  4. รสชาติ มัทฉะคุณภาพดีจะมีรสชาติอ่อนโยน มีความหวานเล็กน้อยและมีรสเขียวที่สดใส ไม่ควรมีรสขมหรือเฝื่อนมากเกินไป
  5. กลิ่น ควรมีกลิ่นหอมของใบชาเขียว หากมีกลิ่นอับหรือเหม็นเปรี้ยว อาจบ่งบอกถึงการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม
  6. บรรจุภัณฑ์ที่ใส่ ควรเลือกผงชาเขียวที่มาในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท ช่วยป้องกันความชื้นและแสงที่อาจทำให้คุณภาพลดลง

กล่าวโดยสรุป

อย่างไรก็ตามผงชาเขียว หรือมัทฉะเกรด Ceremonial grade และ Cooking grade ทั้งสองเกรดได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันจึงไม่อาจเอามาเทียบกันได้อย่างชัดเจน ซึ่งมัทฉะสำหรับการทำอาหารก็ยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อยๆ อีกหลายประเภทได้ ตามลักษณะการใช้งาน ซึ่งการเลือกใช้มัทฉะทั้ง 2 เกรด ขึ้นอยู่กับความชอบและผลลัพธ์ที่เราต้องการให้ออกมามากกว่า ว่าอยากกินเป็นไอศครีม พุดดิ้ง ชีสเค้กที่ได้รสชาติชาและสีชาเขียวที่ค่อนข้างชัด ที่เหมาะกับการใช้ชาเกรดสูงสำหรับทำอาหาร ส่วนตัวที่เกรดรองๆ ลงไปก็ใช้ทำขนมที่ต้องการความเข้มข้นออกขมๆ เช่น บราวนี่ เค้ก หรือเส้นโซบะ หรือถ้าใช้แต่สีไม่เน้นรสชาติชัดเจนมากก็อาจจะใช้ชาเขียวเกรดรองลงมาในการทำขนมปัง ใช้โรยหน้าขนมนั่นเอง แต่หากต้องการชงดื่มกับน้ำเปล่าเพียวๆ เพื่อให้ได้รสอูมามิของชา แนะนำเป็นชาเกรดพิธีการจะเหมาะกว่านอกจากการแบ่งเกรดชาตามระยะเก็บเกี่ยวแล้ว ยังสามารถแบ่งออกได้อีก 2 ประเภทตามลักษณะการชงชา เรียกว่า การชงแบบ KOICHA (ชงข้นเข้มไม่ขมมาก) และ USUSHA (ชงบางจะมีทั้งแบบขมฝาดน้อยถึงปานกลาง) ค่ะ

หมวดหมู่