โรคมะเร็งเต้านมขึ้นชื่อว่าเป็นภัยเงียบที่แฝงอยู่ในร่างกายของเรา โดยในระยะแรก ๆ มันจะไม่ค่อยแสดงอาการออกมา กว่าจะมีอาการที่แสดงออกมาก็อาจจะเข้าสู่ในระยะที่ลุกลามไปแล้ว ทำให้โอกาสในการรักษาให้หายขาดก็จะยากขึ้น ซึ่งมะเร็งเต้านมหลายคนอาจเข้าใจว่า มีโอกาสเกิดกับเพศหญิงเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วผู้ชายเองก็สามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน (แต่มีโอกาสพบน้อยมาก) ซึ่งการตรวจมะเร็งเต้านมนั้น สามารถตรวจประเมินได้ด้วยตนเองแบบเบื้องต้น และจากการตรวจประเมินขั้นสูงด้วยวิธีทางการแพทย์ต่างๆ โดยผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมักไม่มีอาการแสดงให้เห็นในระยะแรก อาจคลำพบเพียงก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หรือใต้รักแร้ ผู้หญิงหลายคนจึงมองข้ามคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถึงแม้ว่ามะเร็งเต้านม จะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงเป็นจำนวนมาก แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา ก็สามารถหายขาดจากโรคได้ ดังนั้นผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เพื่อป้องกันและหาความผิดปกติหากเจอเร็วก็จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ค่ะ
อาการที่แสดงออกมาของโรคมะเร็งเต้านม
อาการของมะเร็งเต้านมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และบางครั้งอาจไม่มีอาการเลยในระยะเริ่มแรก อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการและสัญญาณบางประการที่ควรระวังไว้ดังนี้
- การพบก้อนในเต้านมหรือใต้วงแขน ซึ่งอาจรู้สึกแข็งและไม่เจ็บปวด
- การเปลี่ยนแปลงของผิวเต้านม เช่น ผิวเต้านมดูเหมือนผิวส้ม มีการบวมทั้งเต้านม หรือมีสภาพผิวที่เปลี่ยนไป
- การเปลี่ยนแปลงของหัวนม รวมถึงหัวนมที่ดูถอยเข้าไปในเต้านมหรือเปลี่ยนตำแหน่ง
- การปล่อยสารจากหัวนม อาจเป็นของเหลวใสหรือเลือด
- การเปลี่ยนแปลงขนาดหรือรูปร่างของเต้านม อาจมีเต้านมหนึ่งข้างใหญ่หรือเล็กกว่าอีกข้าง
- การเปลี่ยนแปลงของสีหรือลักษณะผิวหนังบนเต้านม เช่น ผิวหนังหนาขึ้นหรือมีสีแดง
- ความรู้สึกแสบร้อนหรือคันที่เต้านม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอาการปกติของการตั้งครรภ์หรือการมีประจำเดือน
หากพบอาการใด ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการผิดปกติใด ๆ ในบริเวณเต้านม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจสอบและวินิจฉัยอย่างเหมาะสม การตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะแรกมีโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้สูงและยังลดโอกาสในการกลับมาเป็นซ้ำ
วิธีตรวจหามะเร็งเต้านมในปัจจุบัน
การตรวจมะเร็งเต้านมในปัจจุบันมีหลายวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและได้ผลดี ดังนี้
1.การตรวจด้วยมือ (Breast Self-Examination – BSE)
การตรวจสอบด้วยตัวเองโดยใช้มือสัมผัสและสำรวจเต้านมและบริเวณใต้วงแขน เพื่อหาก้อนหรือการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ผิดปกติ เช่น ความเข้มข้นของเนื้อเยื่อหรือการดึงผิว
2.การตรวจด้วยแพทย์ (Clinical Breast Examination – CBE)
การตรวจโดยแพทย์หรือพยาบาลผู้มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะสำรวจเต้านมและบริเวณใต้วงแขนเพื่อหาก้อนและความผิดปกติอื่น ๆ
3.การเอกซเรย์เต้านมที่ใช้รังสีชนิดพิเศษ (Mammography)
การใช้เครื่องมือพิเศษถ่ายภาพรังสีเพื่อดูโครงสร้างภายในเต้านม ซึ่งสามารถตรวจพบก้อนเล็ก ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่ไม่สามารถรู้สึกได้ด้วยการตรวจด้วยมือ ปัจจุบันแนะนำให้ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปทำการตรวจนี้เป็นประจำทุกปีหรือสองปีตามคำแนะนำของแพทย์
4.การถ่ายภาพอัลตราซาวนด์ (Ultrasound)
ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อสร้างภาพของเนื้อเยื่อเต้านม วิธีนี้มักใช้ร่วมกับการถ่ายภาพรังสีเต้านม เพื่อช่วยในการประเมินก้อนที่ตรวจพบหรือในผู้ที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น
5.การตรวจ MRI (Magnetic Resonance Imaging)
การใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุเพื่อสร้างภาพเต้านมที่ละเอียดยิ่งขึ้น วิธีนี้อาจใช้ในกรณีที่ต้องการภาพที่ชัดเจนกว่าหรือในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
การรักษามะเร็งเต้านม
ขั้นตอนในการรักษามะเร็งเต้านมอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรายและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดของเนื้องอก ระยะของโรค และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย นี่คือขั้นตอนรักษาทั่วไปที่อาจถูกใช้
1.การผ่าตัด การผ่าตัดเป็นขั้นตอนหลักในการรักษามะเร็งเต้านม ซึ่งอาจรวมถึงการผ่าตัดเอาเนื้องอกออก (lumpectomy) หรือการเอาเต้านมออกทั้งหมด (mastectomy) การเลือกวิธีการผ่าตัดขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอกและการกระจายของมะเร็ง
2.การรักษาด้วยรังสี (Radiotherapy) หลังจากการผ่าตัด เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจยังหลงเหลืออยู่ การรักษานี้มักใช้เพื่อลดโอกาสการกลับมาของโรค
3.การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) การใช้ยาเคมีที่แรงเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่ในร่างกาย อาจใช้ก่อนการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของเนื้องอกหรือหลังการผ่าตัดเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่เหลือ
4.การรักษาด้วยฮอร์โมน ในการใช้ฮอร์โมนในการรักษานั้นจะใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เช่น การผ่าตัดหรือการรักษาด้วยรังสี เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด โดยการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาและชนิดของยาที่จะใช้ในการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของมะเร็งและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
5.การรักษาด้วยยาประสาทเฉพาะทาง (Targeted therapy) เป็นวิธีการรักษามะเร็งที่ออกแบบมาเพื่อโจมตีเฉพาะเซลล์มะเร็งหรือเส้นทางการส่งสัญญาณในเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตและการแพร่กระจายของมะเร็ง
ทั้งนี้การตรวจมะเร็งเต้านม และรักษามะเร็งเต้านมเป็นกระบวนการที่ต้องติดตามผลในการรักษาและใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และวางแผนการรักษาให้ตามความเหมาะสมกับสภาพ และระยะเวลาที่เป็นของผู้ป่วยแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุดค่ะ