โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ คือภาวะที่เกิดจากการสะสมของแผ่นเนื้อเยื่อไขมันและคอเลสเตอรอลในผนังหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจลดลงหรือถูกปิดกั้น ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจหลายชนิด เช่น โรคหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนไปเยอะมาก ยิ่งในยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น สไตล์การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ เราเริ่มทำงานประจำอยู่กับที่มากขึ้น ไม่ค่อยลุกไปไหน เคลื่อนไหวหรือออกแรงกันน้อยลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากขึ้นค่ะ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นหลอดเลือดหัวใจตีบ
- การสะสมของแผ่นไขมัน: แผ่นเนื้อเยื่อไขมันที่เรียกว่าแผ่นหลอดเลือดหัวใจ
- การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเร็วขึ้น
- โรคอ้วนและการไม่ออกกำลังกาย: น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น และการขาดการออกกำลังกายสามารถเพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคนี้เร็วขึ้น
- โรคเบาหวาน: โรคเบาหวานเพิ่มความเสี่ยงในการพัฒนาไปเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ความเครียด: ความเครียดสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นหลอดเลือดหัวใจตีบได้
อาการหลอดเลือดหัวใจ
- อาการเจ็บหน้าอก ความรู้สึกเจ็บหรือคับแน่นในหน้าอก
- หายใจลำบาก เมื่อหลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างเพียงพอ
- อาการอ่อนเพลีย อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อหัวใจไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ
การวินิจฉัย และการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ
การวินิจฉัยและการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นหัวข้อที่สำคัญในด้านการแพทย์หัวใจ โดยใช้เทคนิคการวินิจฉัยที่ล้ำสมัยและวิธีการรักษาที่หลากหลายเพื่อจัดการกับภาวะนี้
การวินิจฉัย
- ตรวจการหายใจลำบาก: หากตรวจพบว่าการไหลเวียนของเลือดในหัวใจลดลง
- การทดสอบความอดทน: การวิ่งบนลู่วิ่งหรือการทดสอบการทำงานของหัวใจ
- การถ่ายภาพหัวใจด้วยเทคนิคพิเศษ เช่น การถ่ายภาพหัวใจด้วยอัลตราซาวนด์ หรือการถ่ายภาพหัวใจด้วยการปล่อยรังสี
การรักษา
- การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น การเลิกสูบบุหรี่, การควบคุมน้ำหนัก, การออกกำลังกาย, และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- การใช้ยา เช่น ยาลดคอเลสเตอรอล , ยาลดความดันโลหิต, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- การผ่าตัด การผ่าตัดสวนหลอดเลือดหัวใจ หรือการใส่ขดลวดหลอดเลือด ซึ่งช่วยเปิดหลอดเลือดที่ตีบ
- การบำบัดด้วยการแทรกแซงผ่านหลอดเลือด การใช้บอลลูนและขดลวดหลอดเลือดเพื่อขยายหลอดเลือดที่ตีบ
ทั้งนี้การรักษา และการจัดการโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์หัวใจ และอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการรักษาตามความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ดังนั้นถ้าไม่อยากเป็นอันตรายถึงชีวิตควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหัวใจให้ดีจะช่วยทำให้เราสามารถดูแลตนเองได้อย่างถูกวิธี และไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคได้ แหละที่สำคัญต้องไม่ลืมไปตรวจสุขภาพประจำปีกันด้วยนะคะ เพราะเป็นการตรวจเช็คร่างกายหากเกิดความผิดปกติด้านใดจะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ