อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ภาวะปัสสาวะเล็ด (Urinary Incontinence) สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่งผลให้ปัสสาวะรั่วไหลโดยไม่สามารถควบคุมได้ อาจเกิดขึ้นขณะไอ จาม หัวเราะ หรือแม้แต่ในช่วงที่รู้สึกปวดปัสสาวะแต่ไปห้องน้ำไม่ทัน
สาเหตุของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
1. กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง
มักเกิดจากการคลอดบุตร น้ำหนักเกิน หรือการยกของหนักเป็นประจำ
ทำให้กล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะไม่แข็งแรง
2. อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเสื่อมลง
ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงในวัยหมดประจำเดือน ทำให้เนื้อเยื่อในระบบปัสสาวะอ่อนแอ
3. ความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะบีบตัวเองมากเกินไป ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยและรุนแรง
พบได้ในผู้ที่เป็น โรคเบาหวาน โรคทางระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์
4. ทางเดินปัสสาวะอักเสบ
ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย และบางครั้งอาจเล็ดออกมาก่อนถึงห้องน้ำ
5. การดื่มน้ำ หรือเครื่องดื่มบางชนิดมากเกินไป
คาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ อาจกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
6. ภาวะอ้วน
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปเพิ่มแรงกดทับที่กระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
7. ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดหรือคลอดบุตร
โดยเฉพาะการคลอดบุตรทางช่องคลอด หรือการผ่าตัดเกี่ยวกับอวัยวะในอุ้งเชิงกราน
วิธีป้องกันและแก้ไขภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
1. บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Kegel Exercise)
วิธีนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ควบคุมปัสสาวะ
วิธีทำ: ขมิบกล้ามเนื้อเหมือนตอนกลั้นปัสสาวะ ค้างไว้ 5-10 วินาที แล้วคลาย ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง/วัน
2. ควบคุมน้ำหนัก
ลดน้ำหนักตัวหากอยู่ในภาวะอ้วน เพื่อลดแรงกดทับที่กระเพาะปัสสาวะ
3. ปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำ
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำปริมาณมากก่อนนอน
ลดคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อย
4. ฝึกกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Training)
ฝึกให้ปัสสาวะเป็นเวลา เช่น ทุก 2-3 ชั่วโมง ไม่รอให้ปวดจนทนไม่ไหว
หากปวดปัสสาวะเร็วเกินไป ให้พยายามกลั้นไว้ 5-10 นาที แล้วค่อยไปห้องน้ำ
5. หลีกเลี่ยงการยกของที่หนัก
การหลีกเลี่ยงในการยกของหนัก เป็นการลดโอกาสที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานจะได้รับแรงกดทับมากเกินไป
6. หลีกเลี่ยงอาการท้องผูก
ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นท้องผูก เพราะการที่ท้องผูกอาจทำให้ต้องเบ่งแรงมากขึ้น ส่งผลต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
ควรรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำให้เพียงพอ
7. ปรึกษาแพทย์หากมีอาการรุนแรง
โดยแพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยยา หรือในบางกรณีอาจต้องใช้การผ่าตัดเพื่อแก้ไขภาวะนี้
สรุป
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นปัญหาที่สามารถป้องกัน และบรรเทาได้ด้วยการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และฝึกการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ หากอาการรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม และเข้ารับการรักษาทันที เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดต่อตัวผู้ป่วยเอง